บทความเพื่อสุขภาพ

ออสซี่เร่งพัฒนายาปฏิชีวนะจากเลือดจระเข้ฆ่าเชื้อเอดส์

 รอยเตอร์ – นักวิทยาศาสตร์แดนจิงโจ้ระดมเก็บตัวอย่างเลือดจระเข้เพื่อพัฒนายาปฏิชีวนะสำหรับมนุษย์ หลังการทดลองยืนยันแล้วว่า แอนติเจนในเลือดจระเข้สามารถกลายเป็นแอนติบอดีฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ในมนุษย์ได้
       
       ระบบภูมิคุ้มกันของจระเข้นั้นเข้มแข็งมากกว่าระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์มากมายนัก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตความเป็นอยู่ของจระเข้ที่มักต่อสู้กันจนเป็นแผลขนาดใหญ่หรือขาขาด แต่แผลฉกรรจ์เหล่านั้นกลับไม่เน่าพุพอง และปิดสนิทหายอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่จระเข้อยู่อาศัยในพื้นที่หนองน้ำและพื้นดิน ซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อไวรัสและแบคทีเรียชนิดต่างๆ ลักษณะดังกล่าวของจระเข้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสงสัย และนำตัวอย่างเลือดจระเข้มาวิจัยกับเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ที่สามารถฆ่ามนุษย์ได้
       
       อดัม บริตตัน (Adam Britton) นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียน จากคร็อกโคไดลัส พาร์ก ศูนย์การท่องเที่ยวและวิจัยในเมืองดาร์วิน (Darwin's Crocodylus Park) เปิดเผยว่า เขาได้ศึกษาระบบภูมิคุ้มกันของจระเข้ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา และพบว่าระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์เลื้อยคลานมีสารโปรตีนบางชนิดหรือสารก่อภูมิต้านทาน (antingen) หลายชนิดที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้มากกว่าเชื้อยาเพนนิซิลินที่ไม่สามารถกำจัดได้ โดยเฉพาะเชื้อ Staphylococcus aureus หรือ golden staph เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบบริเวณผิวหนังและภายในโพรงจมูกของคนทั่วไป บางครั้งเชื้อนี้ก่อให้เกิดโรคและพบว่าเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังได้บ่อยที่สุดในบรรดาเชื้อก่อโรคทั้งหลาย ซึ่งเชื้อชนิดนี้กำลังเป็นเชื้อดื้อยาที่แพทย์พยายามหาทางรักษา
       
       นอกจากนี้ การทดลองยังพบด้วยว่าภูมิคุ้มกันจระเข้สามารถฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้คณะนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียนำทีมโดยบริตตันและมาร์ก เมอร์ชานต์ (Mark Merchant) จากสหรัฐฯ ใช้เวลากว่า 10 วันในการระดมเก็บตัวอย่างเลือดจระเข้ทั้งพันธุ์น้ำเค็มและน้ำจืดเพื่อนำมาสกัดทำเป็นยาฆ่าจุลินทรีย์ โดยพยายามเข้าจับจระเข้าต่างๆ และสตาฟส่วนหัวไว้ชั่วคราว เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ได้มีโอกาสเข้าเก็บตัวอย่างเลือดจากส่วนหัวของจระเข้ ซึ่งเป็นแหล่งเส้นเลือดขนาดใหญ่
       
       ”บริเวณหัวมีโพรงหลอดเลือด ทำให้พวกเราสามารถปักเข็มลงตรงส่วนนั้นและได้ตัวอย่างเลือดในปริมาณที่มากพอได้โดยง่าย” บริตตันอธิบาย พร้อมทั้งระบุว่า ภูมิคุ้มกันของจระเข้แตกต่างจากมนุษย์รวมถึงมีฤทธิ์แรงมาก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ ก่อนนำมาใช้กับมนุษย์โดยตรงเพื่อรักษาแผลพุพอง เป็นหนอง รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง 

ที่มา: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9480000110459