ข่าวสาร

ตามรอยเลือดจระเข้ที่ รุ่งทวีชัยฟาร์ม กับนิตยสารสร้างเงินสร้างงาน

“รุ่งทวีชัยฟาร์ม” มีจระเข้ทั้งน้ำจืด  น้ำเค็ม  เลี้ยงอยู่ประมาณ 10,000 ตัว  โดยมี คุณวิชัย และคุณวิสาชิณี รุ่งทวีชัย  สองพี่น้องที่ทำหน้าที่ช่วยดูแลฟาร์มแห่งนี้อยู่  แต่ที่ดูแลเรื่องการทำผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แคปซูลจะเป็นน้องสาวคือ  คุณวิสาชิณ๊ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงแต่ไหนๆก็มาถึงฟ่ร์มจระเข้ทั้งที  ก็คงต้องขอความรู้เรื่องการทำฟาร์มจระเข้สักหน่อยว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร  จึงได้เริ่มเข้ามาทำธุระกิจนี้  เพราะดูจากบุคคลิกแล้ว  แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณวิสาชิณี  จะสนใจทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสุดยอดอันตรายชนิดหนึ่งอย่างจระเข้ และทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว

.   คุณวิสาชิณี เล่าให้ฟังว่า  ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวและมีแต่พี่น้องที่เป็นผู้ชายกันหมด ก็เลยอาจจะทำให้ชอบเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย  และทำให้เป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไรมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เห็นสัตว์อะไรแปลกๆ ก็มักจะเอามาเลี้ยงที่บ้านเป็นประจำ ซึ่งก็รวมถึงจระเข้ด้ว “เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว  พอดีว่าในฟาร์มของเรา  มีบ่อที่น้องชายเคยเลี้ยงกบมาก่อน  เราเห็นบ่อยังว่างอยู่เลยเอาลูกจระเข้มาปล่อยเลี้ยงไว้ 20 ตัว ตอนนั้นซื้อมาตัวละ 2,500 บาท  ก็ไม่ได้คิดอะไร  แค่อยากหามาเลี้ยงไว้เฉยๆ  เลี้ยงก็ไม่เป็น ก็ใช้วิธีหาปลา  หาอาหารมาเลี้ยงไปเรื่อยๆ  แต่ก็โชคดีที่จระเข้เป็นสัตว์ที่แข็งแรง  จึงไม่ค่อยเ็ป็นอะไรง่ายๆ  เลี้ยงไว้ 20 ตัวก็รอดทั้งหมด  พออายุได้ 6 ปี ตัวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บ่อที่เลี้ยงไว้ก็เริ่มคับแคบ และบ่อเริ่มแตก แต่เราจับจระเข้ไม่เป็น  ก็เลยติดต่อพ่อค้าให้มารับซื้อ  เพราะเห็นว่าช่วงนั้นราคายังดีอยู่  แต่พ่อค้ามีตีราคาให้  4,000  บาท  เราก็ต่อรองราคา 20 ตัว ขอ 100,000 บาท (ตัวละ 5,000 บาท) แต่พ่อค้าเห็นว่าเราคงไม่รู้จักใคร  คงขายไม่ได้เลยไม่ยอมซื้อ ด้วยความโมโห เราก็เลยไม่ขาย  แล้วทุบบ่อที่อยู่ติดกัน ให้กลายเป็นบ่อขนาดใหญ่ขึ้น  แล้วก็เลี้ยงมาเรื่อยๆ โดยใช้ 20 ตัวนี้ทำเป็นพ่อแม่พันธุ์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มจระเข้มาจนถึงทุกวันนี้”

.

จากนั้นก็ศึกษาหาความรู้เรื่องการเลี้ยงจระเข้เพิ่มเติมจนเริ่มมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ  และได้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ต้องก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างจริงจัง  เพราะเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว  รายการโทรทัศน์รายหนึ่งต้องการถ่ายทำเกี่ยวกับฟาร์มจระเข้ของเกษตรกรรายย่อย  ทางกรมประมงจึงแนะนำมาที่รุ่งทวีชัยฟาร์ม  หลังออกรายการก้เลยมีเกษตรกรติดต่อเข้ามาจำนวนมาก  อยากได้ลูกจระเข้ไปเลี้งบ้างเพราะตลาดกำลังบูม  แต่ตอนนั้นที่ฟาร์มไม่ได้เพาะพันธุ์ขาย  ก็เลยใช้วิธีหาจระเข้ี่ที่อื่นมาขายให้  พอมีเกษตรกรซื้อไปเลี้ยงมากขึ้นก็เลยเป็นภาระผูกพันธ์  เมื่อถึงเวลาจับจระเข้ขาย  (อายุประมาณ 3 ปี)  ก็เลยต้องไปจับจระเข้กลับมา แล้วหาตลาดขายให้ แต่พอดีว่าช่วงนั้น เริ่มมีตลาดของตัวเองบ้างแล้วก็เลยมีที่ขายให้กับเกษตรกรรายอื่นได้ด้วย เมื่อก่อนจะจับขายเป็นตัว  ส่งขายให้กับฟาร์มขนาดใหญ่ที่ศรีราชา  และส่งออกไปกัมพูชา  แต่บังเอิญว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้วราคาตกต่ำมาก  จระเข้ยาว 2 เมตร ราคาเหลือตัวละ 2,500บาท  จากปกติขายกันตัวละ 6,000-7,000 บาท ขายแล้วขาดทุนแน่นอน  เลยกลายเป็นว่าทำให้เราต้องมาฝึกชำแหละแล้วทำโรงชำแหละเองอีกด้วย  เพื่อแยกเนื้อ  หนัง  ขายแยกส่วนกัน  ส่วนเนื้อจะขายให้กับภัตตาคารต่างๆ (ขายรวมทั้งนั้นและกระดูก) กิโลกรัมละ 60 บาท ส่วนหนังก็ขายเข้าโรงฟอกก็ทำให้ได้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ตัวละ 4,000 กว่าบาท  ก็เลยพออยู่ได้ สำหรับการเลี้ยงจระเข้ คุณวิสาชิณีบอกว่า เลี้ยงไม่ยากแต่เกษตรกรที่สนใจจะต้องมีเงินทุนพอสมควร เพราะต้องให้อาหารสดกินทุกวันและกว่าจะขายได้ก็อจใช้เวลาถึง 3 ปีที่สำคัญคือ ในพื้นที่บริเวณฟาร์มจะต้องมีแหล่งอาหารเพียงพอที่จะนำมาใช้เลี้ยงได้คลอด  ซึ่งทางรุ่งทวีชัยฟาร์มจะใช้วิธีประมูลหัวไก่ และซี่โครงไก่จากโรงชำแหละไก่ในพื้นที่  ซึ่งต้องเป็นโรงงานชำแหละที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้อาหารจระเข้ที่มีความสด  และสะอาด หัวไก่จะนำมาเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่ทั่วๆไป  ส่วนซี่โครงไก่จะใช้เลี้ยงเฉพาะพ่อแม่พันธุ์เท่านั้น  ในแต่ละวันใช้หัวไก่และซี่โครงไก่มาเลี้ยงจระเข้ในฟาร์ม  รวมแล้ววันละประมาณ 700-1,000 กก.  ต้นทุนปีปัจจุบันอยู่ที่กิโลละ 8 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง)  ซึ่งคุณวิสาชิณีบอกว่าต้นทุนค่าอาหารที่ใช้เลี้ยงจระเข้  ไม่ควรสูงกว่า กก ละ  11  บาทจจึงจะพออยู่ได้เลี้ยงแล้วคุ้มทุนส่วนการดูแลด้านอื่นๆ ไม่ยุ่งยาก แต่ต้องเน้นเรื่องความสะอาดในบ่อเลี้ยงเป็นหลัก  โดยเฉพาะในบ่อเลี้ยงจระเข้เล็ก ที่ต้องบดอาหารมาเลี้ยง และจระเข้มักจะนำอาหารลงไปกินในบ่อ จึงมักมีเศษอาหารเหลือยู่  ก็อาจจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย จึงต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ  ส่วนในจระเข้ใหญ่มักจะกินอาหารจนหมด  และมีลานสำหรับให้อาหาร  น้ำจึงไม่ค่อยเสียจึงใช้สังเกตสีน้ำเป็นหลัก  จึงจะเปลี่ยนน้ำซักครั้ง

.

สำหรับการทำตลาดจระเข้ในช่วงนี้  ทางรุ่งทวีชัยฟาร์มมีช่องทางจำหน่ายอยู่ 3 ช่องทาง คือ

1.ขายลูกจระเข้ให้กับเกษตรกรในเครือข่าย  และผู้ที่สนใจ ราคาปัจจุบัน ลูกจระเข้น้ำจืดราคาตัวละ 1,000 บาท  ส่วนลูกจระเข้น้ำเค็ม  ราคาตัวละ 3,000 บาท จระเข้น้ำเค็มจะแพงกว่าเพราะหายาก  เป็นที่ต้องการของตลาด  เพราะเลี้ยงแล้วโตเร็ว  และผิวหนังมีลวดลายสวยกว่าจระเข้น้ำจืด

2.ขายจระเข้เป็นตัว และชำแหละส่งขายภัตตาคาร และโรงฟอกหนัง ปัจจุบันฟาร์มชำแหละจระเข้ส่งขายเดือนละประมาณ 500-1,000 ตัว จะรับซื้อจากเกษตรกรที่ตวามยาวตั้งแต่ 1.80  เมตรขึ้นไป  ราคาขายจะวัดจากความยาว  ปัจจุบันซื้อในราคา  27  บาท ต่อความยาว  1ซม.  ซึ่งเป็นราคาตามท้องตลาดทั่วไป  ถือว่าเป็นราคาปานกลาง ไม่ได้แพงมาก และไม่ได้ถูกเหมือน 6 ปีที่แล้ว  ที่ราคาขายจระเข้ความยาวเฉลี่ย 2 เมตร ขายได้ตัวละ 2,500 บาท แต่ราคาปัจจุบันจะอย฿่ที่ตัวละ 6,000 บาท  ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพอมีกำไร

3.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเลือดจระเข้แคปซูล ธุรกิจล่าสุด ที่ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการผลิตเลือดจระเข้ระเบิดแห้ง  ที่ได้รับอนุสิทธิบัตรในนามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมทั้งยังได้การรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)เรียบร้อยแล้ว

ที่มา : นิตยสาร สร้างเงินสร้างงาน ปีที่ 8 ฉบับที่ 088 กันยายน 2554