ข่าวสาร

รุ่งทวีชัยฟาร์ม แหล่งเลี้ยงจระเข้- ปลาเสือตอ

ในวงการจระเข้  ชื่อเสียงเรียงนามขอคุณวิสาชิณี รุ่งทวีชัย "หรือคุณแน็ท” เจ้าของรุ่งทวีชัยฟาร์ม เป็นที่รู้จักกันดี จะเรียกว่าเป็นเจ้าแม่จระเข้ก็ไม่ผิดนัก เพราะสาวสวยรายนี้ทำฟาร์มเลี้ยงจระเข้มานานกว่า 20 ปีแล้ว แถมยังแร่เนื้อส่งขายอีกด้วย ส่วนอวัยวะต่างๆ ก็ขายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเลือดหรือหนัง ซึ่งได้ราคาดีทีเดียว ปัจจุบันฟาร์มจระเข้ของเธอที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ในเนื้อที่เกือบ 20 ไร่ ยังใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเลี้ยงงูเหลือมและปลาหายากอย่างปลาเสือตอด้วย

 

เริ่มจากรักสัตว์ตั้งแต่เด็ก

 

คุณแน็ท เล่าถึงที่มาที่ไปของการมาเลี้ยงจระเข้ ว่า เป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์สารพัดมาตั้งแต่เด็กๆ มีทั้งแย้ งู หมูป่า วัว ควาย เมื่อ 22 ปีที่แล้ว นำจระเข้จากญาติมาเลี้ยง 20 ตัว เลี้ยงไปเลี้ยงมาบ่อแตกหาคนซื้อไม่ได้ คนที่จะมาซื้อก็กดราคา เลี้ยงมา 6 ปี ซื้อมาตัวละ 2,500 บาท เขาให้ตัวละ 4,000 ซึ่งถูกเกินไป จึงจำต้องเลี้ยงต่อ แล้วทำบ่อเพิ่ม กระทั่งกลายมาเป็นธุรกิจ เพราะ มีคนมาขอซื้อลูก แต่เมื่อทำแล้วกลายเป็นภาระต้องรับซื้อคืน ต่อมาผันเป็นคนเลี้ยง ผู้ชำแหละ เป็นผู้ค้า และเป็นผู้ประกอบการเรื่องจระเข้เต็มตัวแบบครบวงจร

 

คุณแน็ท บอกว่า ตอนนี้ที่ทำหลักๆ คือจระเข้ ปลา และงูเหลือมเข้ามา จระเข้ที่เลี้ยงอยู่มีประมาณเกือบหมื่นตัว เฉพาะเลี้ยงที่นี่รวมลูกเล็กๆ ด้วย ตอนนี้พ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุสูงอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าปี ถือว่าไม่แก่ยังใช้ได้ดีอยู่  ฟาร์มเราเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงไม่ได้เปิดให้ท่องเที่ยว มีทั้งเพาะเลี้ยง ชำแหละ และขายลูก

 

ในการเลี้ยงจระเข้นั้น  คุณแน็ทระบุว่า  เลี้ยงไม่ยากแต่จะต้องให้อาหารสดกินทุกวัน ซึ่งทางฟาร์มใช้วิธีประมูลหัวไก่ และซี่โครงไก่จากโรงชำแหละไก่ในพื้นที่   โดยหัวไก่จะนำมาเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่ทั่วๆไป  ส่วนซี่โครงไก่จะใช้เลี้ยงเฉพาะพ่อแม่พันธุ์เท่านั้น  ในแต่ละวันใช้หัวไก่และซี่โครงไก่วันละประมาณ 700-1,000 กก. และกว่าจะขายได้ตัวหนึ่งต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ดังนั้นเกษตรกรที่จะทำฟาร์มเลี้ยงจระเข้ต้องมีเงินทุนสำรองด้วย

 

แม้ว่าจะเลี้ยงและชำแหละเนื้อจระเข้ส่งขาย แต่ถ้าพูดถึงรายได้หลักแล้ว เธอว่ามาจากเลือดจระเข้ที่นำมาทำแคปซูล ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ปี 2551 ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยเกษตร วิจัยมาตั้งแต่ปี 2541 แต่มีการจดอนุสิทธิบัตรเมื่อปี 2549 และทางฟาร์มเป็นผู้ใช้อนุสิทธิบัตรเมื่อปี 2551 ทั้งยังได้เครื่องหมายอย. ตัวนี้ถือว่าเป็นรายได้หลักเพราะทางฟาร์มไม่ค่อยได้ทำการตลาด ลูกค้าจะบอกกันปากต่อปากมากกว่า

 

ว่าไปแล้วเลือดจระเข้แคปซูลราคาสูงทีเดียว เฉลี่ยแคปซูลละ 15 บาท  ขนาด 30 เม็ด ราคา 500 บาท ส่วน 100 เม็ดราคา1500 บาท แต่ก็ขายดีมาก จนแทบจะพูดได้ว่าผลิตไม่ทันกับความต้องการลูกค้า เนื่องจากหลายต่อคนเชื่อในสรรพคุณที่ว่าเลือดจระเข้ช่วยบรรเทาได้หลายโรค

 

อย่างที่คุณแน็ทแจกแจง เลือดจระเข้จะช่วยเรื่องภูมิแพ้ โลหิตจาง เบาหวาน คนที่เป็นมะเร็งจะเห็นผลได้เร็ว เพราะว่าคนที่ทำคีโมหรือฉายแสงถ้าเกล็ดเลือดต่ำจะไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าทานเลือดจระเข้จะรักษาทางการแพทย์ได้ครบคอร์ส  

 

ส่งเลือดจระเข้แคปซูลไปจีน

 

** ขวดในภาพ คือ รุ่นเก่า

“เราไม่ได้โปรโมทหรือทำการตลาดอะไร  สามารถสั่งซื้อได้ในเว็บไซต์ วานิไทยดอตคอม นอกจากขายในประเทศแล้วยังส่งออกไปจีนด้วย  โดยได้ยื่นขออย.ที่ฮ่องกง  ซึ่งในเมืองจีนขายกันเม็ดละ 40-50 บาท คนไทยบางคนไปซื้อกลับมาเพราะไม่รู้ว่าเป็นของคนไทย เคยไปดูฟาร์มจระเข้ที่ไห่หนาน บนเกาะไหหลำมีเป็นหมื่นตัว ทำธุรกิจคล้ายกับเรา ตอนนี้เขาให้เราไปดูให้ว่าจะเจาะเก็บเลือดอย่างไร

 

สำหรับการส่งออกที่จีนนั้นเพราะคนจีนมีความเชื่อว่ารักษาโรคหลายโรคได้ แต่พอมีงานวิจัยรองรับว่าในเลือดจระเข้มีสารอาหารอะไรบ้างที่สามารถช่วยบุคคลที่มีปัญหาได้อย่างไร มีผลงานการันตี ทำให้คนทั่วไปมั่นใจว่าดีจริง และใช้ได้ผลจริง อย่างคนที่เป็นแผล ทานแล้วจะหายเร็วมาก  ซึ่งเชื่อมโยงกันข้อสังเกตุที่ว่าจระเข้มักจะกัดกันในช่วงผสมพันธุ์จนแขนขาขาด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทิ้งไว้เฉยๆ แผลเหล่านั้นก็หายเอง แต่พอมีงานวิจัยพบว่าทำให้เลือดดีขึ้น การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และคนที่ทานแผลก็จะหายเร็วจริง”

 

ในฐานะที่เธอทำเลือดจระเข้ขาย เจ้าตัวบอก ก่อนจะทำขายจริง ในช่วงวิจัยก็ได้แจกจ่ายให้พรรคพวกเพื่อนฝูงได้ลองทานดู และทานเองด้วยเป็นเวลาถึง 4 ปี โดยพอตื่นนอนก็ทานเลย เหมือนทานอาหารเสริม ซึ่งจะต้องทานตอนกระเพาะว่างจะได้ดูดซึมดี  รู้สึกว่าไม่อ่อนเพลีย

 

นอกจากนี้ยังเห็นผลในกรณีของคุณพ่อที่เป็นมะเร็งตับอ่อนกับท่อน้ำดี หมอให้กลับมาเสียชีวิตที่บ้าน เลยให้ทานวันละ 6 เม็ด ต่อมาจากที่เคยนอนเฉยๆก็ลุกขึ้นมากินข้าวเองได้ นอน นั่ง อาบน้ำเองได้และอยู่ได้อีก 2 ปีกว่า โดยไม่เจ็บไม่ปวดความจำดี ในและช่วงก่อนเสียชีวิต 7 วันสุดท้ายก็หลับไปเลย ไม่เจ็บปวดอะไรมาก

 

“อย่างนักกีฬาว่ายน้ำก็ซื้อไปทานเยอะ เพราะจะทำให้เหนื่อยน้อยลง คนที่จะทานคือคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะไม่ใช่ยา แต่เป็นอาหารเสริม”

 

ช่วงก่อนหน้านี้การทำเลือดจระเข้แคปซูลจะได้จากจระเข้ที่นำมาชำแหละเนื้อหนังขาย แต่ปัจจุบันใช้วิธีการเจาะเลือด โดยไม่ฆ่า จระเข้ตัวนั้นยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้

 

“จระเข้ตัวหนึ่งจะเจาะ 100-150 ซีซี แล้วปล่อยลงไป 3 เดือนก็จับมาเจาะต่อ อายุที่เจาะตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป  ถ้าเป็นตัวขนาดใหญ่ จะเจาะได้เลือดมากกว่า ขนาด  2 เมตร เจาะได้ถึง 150 ซีซีถึงปล่อยลงไป  ส่วนการชำแหละเนื้อรวมกระดูกส่งขายกิโลกรัม(ก.ก.)ละ 60 บาท แต่ถ้าแร่ออกมาเป็นเนื้ออย่างเดียวก.ก.ละ 120 บาท โดยส่วนใหญ่ หนังจะส่งโรงฟอก เลือดส่งเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนใหญ่เนื้อส่งเข้าภัตตาคารที่สวนเสือศรีราชา คนนิยมทานมาก”

 

คุณแน็ท อธิบายว่า สาเหตุหนึ่งที่คนนิยมทานเนื้อจระเข้ เพราะเหมือนเนื้อไก่ แต่เนื้อไก่จะคาวมากกว่าเนื้อจระเข้ไม่คาว และยังทำได้หลายเมนูเหมือนหมูเลยทั้งจืดทั้งเผ็ด

 

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาแม้ว่าจะขายเลือดจระเข้แคบซูลในเว็บไซต์แล้ว แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือ ช่องทางการขายเลือดจระเข้แคบซูลยังแคบอยู่  เนื่องจากทางฟาร์มไม่ได้โปรโมทอะไร ทั้งที่ลูกค้าหลายคนอยากทานแต่ไม่รู้จะติดต่อซื้อที่ไหน

 

หาวิธีเพาะพันธุ์ปลาเสือตอ

 

 

นอกจากคุณแน็ทจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเลี้ยงจระเข้แล้ว เวลานี้ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่รู้เรื่องปลาเสือตอเป็นอย่างดี เพราะเลี้ยงมานานหลายปี

 

“เลี้ยงมา 10 ปีแล้วมีพันกว่าตัว เลี้ยงด้วยใจรักจุดประสงค์ก็เพื่ออนุรักษ์และทำธุรกิจในเชิงพาณิชย์ เพราะเห็นว่ามันกำลังจะสูญพันธุ์ไปแล้วจากเมืองไทยอย่างที่บึงบอระเพ็ดก็แทบจะไม่มีแล้ว บางประเทศที่มีคือเขมรก็สูญพันธุ์แล้ว เหลือแต่ที่อินโดนีเซีย แต่ปลาจะไม่สวยมีสีดำ ตอนนี้อินโดฯก็เริ่มสูญพันธุ์ เราซื้อมาจากบึงบอระเพ็ด 9 ตัว ที่เหลือมาจากเขมร ปัจจุบันยังเพาะไม่ได้เลย เสือตอลายใหญ่ยังไม่มีใครเพาะได้ในโลกนี้ สิงคโปร์ไปตั้งบริษัทที่เขมรเพื่อจะเพาะก็ยังเพาะไม่ได้ ญี่ปุ่นก็ไปตั้ง

 

ปลาเสือตอถือว่าเป็นปลามงคล  ทางฟาร์มได้ร่วมกับกรมประมง เพราะทุกคนอยากให้เพาะได้ ปัญหาที่เจอคือ ตัวเมียมีไข่แก่ แต่ตัวผู้ไม่มีน้ำเชื้อไปผสมพันธุ์ ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มี เพราะตอนนี้ศูนย์ประมงที่สุพรรณบุรีมีการแลกเปลี่ยนความรู้ก็ยังเพาะไม่ได้เหมือนกัน”

 

ปลาเสือตอลายใหญ่นั้นมีขนาดน้ำหนักครึ่งกิโลถึง 5 ก.ก. และจะมีการฝังชิปเพื่อให้รู้ว่าตัวไหนตัวเมียตัวผู้ ที่ผ่านมาแม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยง แต่คุณแน็ทก็หมดเงินไปเยอะ ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ท้อ

 

 “เฉพาะเสือตอเลี้ยงอย่างเดียวหมดเป็น 10 ล้าน รวมค่าทำบ่อๆละ 1 ล้าน เดือนหนึ่งเสียค่าอาหาร ค่าไฟ อยู่ประมาณ 4 หมื่นบาท แต่ถ้าทำสำเร็จจะได้ทั้งชื่อและเชิงพาณิชย์  ซึ่งต้องหาหน่วยงานมาร่วมพัฒนาด้วยกัน อย่างสมมุติเจาะเลือดมาเพื่อตรวจเลือดว่าตัวไหนตัวผู้ตัวเมีย ต้องใช้แล็บ ห้องวิจัย เราลงทุนไม่ได้ ต้องหาคนอื่นมาช่วย อย่างโรคปลาเสือตอเราก็ต้องไปส่งห้องแล็บ เคยมีเหมือนกันเป็นฝีออกมาจากตัว ต้องเชิญนักวิชาการมาช่วยดู เป็น 20 กว่าตัว เสียหายไปประมาณ 30%”

 

อย่างที่บอกฟาร์มรุ่งทวีชัยเลี้ยงงูหลามกับงูเหลือมด้วย ซึ่งวันที่สนทนากับคุณแน็ท เธอพาเข้าไปชมวิธีการเลี้ยงด้วย

 

เลี้ยงงูไม่ยาก

 

“ตัวเองเป็นคนชอบสัตว์อยู่แล้ว ตอนนี้เรามาทำงูหลามกับงูเหลือมด้วย เป็นฟาร์มที่สามารถส่งออกได้ เรามีใบอนุญาตของป่าไม้ พ่อแม่พันธุ์มี 123 ตัวรวมกันสองอย่าง แม่ 100 ตัว ตัวผู้ 23 ตัว ความแตกต่างของงูทั้งสอง  คืองูหลามจะมีลายเป็นข้าวหลามตัด ส่วนงูเหลือมจะเป็นลายพรางทหาร ต้องเลี้ยงแยกกัน เพราะงูเหลือมจะดุกว่างูหลาม จะกัด แต่งูหลามจะไม่ค่อยกัดเท่าไร

 

การเพาะพันธุ์ 4 ต่อ 1 คือ ตัวผู้ 1 ตัวเมีย 4 จะผสมพันธุ์กันประมาณตุลาคม พฤศจิกายน วางไข่ใกล้เคียงกันเหมือนกับจระเข้”

 

เปรียบเทียบกันระหว่างการเลี้ยงงูกับเลี้ยงจระเข้ คุณแน็ทแจกแจงว่า “การเลี้ยงงูให้สมบูรณ์ไม่ยาก ใช้ลูกหนูลูกกบเป็นอาหาร  และงูจะมีเชื้อดีกว่าจระเข้ เชื้อจะเยอะ ไข่ 30 ฟองอาจจะได้ลูกทั้ง 30 ตัว งูจะออกไข่เอง ให้ฟักไข่เอง ตัวหนึ่งไข่ 20-30 ฟอง เป็นตัวหมด 90%  งูจะไม่ค่อยกัดกัน แต่ถ้าเลี้ยงไม่สะอาดจะเป็นเชื้อราได้ จะไม่กินอาหารและตายได้  จะต้องมีคนดูแล 2 คน รวมกันกับจระเข้ จระเข้เป็นหมื่น งู ปลาด้วย ใช้คนงานแค่ 3 คน อย่างปลามีระบบกรอง งูก็ทำกรงให้ล้างง่ายทำความสะอาดง่าย”

 

ในการเลี้ยงงูนั้น เธอว่าส่วนหนึ่งเพราะใจรัก และในอนาคตจะส่งหนังขาย แต่คงไม่คิดจะเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพราะจะเป็นการรบกวนสัตว์  ซึ่งต้องการความสงบเพราะเลี้ยงเพาะพันธุ์ด้วย แต่ถ้าใครต้องการมาศึกษาดูงานก็อนุญาตให้เข้ามาดูได้

 

ก่อนจบบทสนทนาในวันนั้น เธอว่า ใครที่สนใจอยากจำธุรกิจเกี่ยวกับเลือดจระเข้แคปซูล หรืออยากทำฟาร์มจระเข้  รวมถึงฟาร์มเลี้ยงงู ติดต่อได้ที่ 02-9428924 และ 08-1944-4422

 

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1472107796